เคยสังเกตไหมว่าการเรียนเต้นนั้นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผู้ปกครองนิยมพาบุตรหลานไปเรียนกันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการเต้นนั้นเสมือนเป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยให้เด็กมีสมาธิ จากการจดจำท่าเต้น หรือการเคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อม ๆ กับจังหวะของเพลงหรือเสียงดนตรี และช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดี สดใสร่าเริงสมวัย ส่งผลให้คนที่เรียนนั้นมีอารมณ์ดี และการให้เด็ก ๆ ได้ออกแรงเคลื่อนไหวร่างกาย พร้อมทั้งเรียนการเต้นแบบถูกวิธี เริ่มตั้งแต่พื้นฐาน จะสามารถพัฒนาบุคลิกภาพและความมั่นใจให้พวกเขาได้อย่างเหลือเชื่อ หากเห็นแววว่าเด็ก ๆ มีใจรักในการเต้น ได้ยินเสียงเพลงทีไรอยู่ไม่นิ่งทุกทีแล้วล่ะก็ อย่ารีรอที่จะสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ลองทำในสิ่งที่รัก และต่อไปนี้คือเหตุผลดี ๆ ที่ควรพาเด็ก ๆ มาเรียนเต้นกัน
1. ส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายด้วยการเรียนเต้น
การเต้นรำเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากประเภทหนึ่ง เพราะร่างกายมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เด็กบางคนที่อาจจะมีน้ำหนักตัวจ้ำม่ำเกินไปหน่อยจนพ่อแม่เกิดความกังวล ลองได้มาใช้เวลาในการเต้นออกกำลังกายในรูปแบบที่สนุกสนาน เช่น การเต้นบัลเล่ต์, การเต้นฮิปฮอป และการเต้นรูปแบบอื่น ๆ ก็จะช่วยทำให้ร่างกายเด็ก ๆ มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ช่วยลดน้ำหนัก ขจัดปัญหาโรคต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาได้อย่างดีเยี่ยม
2. การเต้นช่วยปลดปล่อยพลังงานบริสุทธิ์ของเด็กทุกวัย
เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักจะมีพลังงานที่ดูเหมือนว่าใช้ไปเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่มีวันหมดแรง ดังนั้นการให้เด็ก ๆ ได้ออกมาปลดปล่อยพลังงานของพวกเขาด้วยการเข้าคลาสเต้นวันละ 1-2 ชั่วโมง ดูจะเป็นทางออกที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยอายุ 3 ขวบที่เหมือนมีแบตเตอรี่จุเต็มทั้งวัน หรือเด็กที่กำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดง่าย การได้มาเรียนจึงเหมือนเป็นการได้ระบายและปลดปล่อยอารมณ์ได้ดีมาก แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงออกในทางที่ถูกต้อง
3. ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
เด็กบางคนอาจจะขี้อายและไม่กล้าแสดงออก แต่เมื่อได้มาทำกิจกรรมอย่างเช่นการเต้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเข้าเรียนเป็นกลุ่มและได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ตลอดเวลา จะเป็นการพัฒนาให้เด็กเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ที่ไม่ว่าจะเป็นการได้ค้นพบตนเองว่ามีความชอบและรักในการเต้นมากแค่ไหน เพราะทุก ๆ คลาสและการเรียนรู้ท่าเต้นที่พวกเขาได้เรียน เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ จึงช่วยให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น รวมถึงการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ทำให้เด็กเกิดความมั่นใจในตนเองอย่างแท้จริง
4. ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ฟังดูเหมือนสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของนามธรรม แต่การเต้นนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เนื่องจากการเต้นนั้นมีหลากหลายประเภท ท่าทางการเต้นนั้นล้วนมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเด็ก ๆ จึงจะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านการเต้นอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจโลกบนพื้นฐานของความเป็นจริงและกลายเป็นคนที่จิตใจดี สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมให้พวกเขาเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในอนาคต
5. การเต้นช่วยฝึกฝนวินัยและความอดทน
การเรียนเต้นนั้นต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้ความอดทนและความมีวินัยในขณะที่เข้าคลาสเรียน โดยต้องมีครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะ และต้องทำตามกฎระเบียบในห้องเรียน ดังนั้นการเต้นจึงไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่เด็ก ๆ จะได้ซึมซับและเรียนรู้การทำตามคำสั่งของผู้สอน การเคารพกฎระเบียบในห้องเรียน ความอดทน ทำให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาตนเองและสามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่น ๆ ได้ อย่างเช่น ในเรื่องของเรียนและการใช้ชีวิตประจำวัน
6. ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก
การเต้นช่วยพัฒนาบุคลิกภาพภายในให้เด็ก ๆ มีความร่าเริงสดใส อารมณ์ดีได้ เพราะการเต้นนั้นจะต้องมีดนตรีและเสียงเพลงประกอบทุกประเภท ทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนานไปพร้อม ๆ กับการเต้น และยังช่วยทำให้เกิดสมาธิเนื่องจากเด็กต้องจดจำท่าเต้น การเคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมจังหวะต่าง ๆ อย่างแม่นยำ ทำให้เด็กไม่กลายเป็นเด็กสมาธิสั้น ตรงนี้จะทำให้พวกเขามีสมาธิกับเรื่องอื่น ๆ ได้ดีเช่นกัน เช่นการเรียนและการอ่านหนังสือ เป็นต้น
ส่วนบุคลิกภาพภายนอกนั้น อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้ว ว่าการเต้นคือการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ยากที่เด็กที่รักการเต้นจะมีรูปร่างที่สมส่วน รวมถึงมีท่วงท่าการเดิน การนั่งที่สง่างามมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเองมากขึ้น
7. เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นนักเต้นมืออาชีพ
สำหรับเด็ก ๆ ที่มาเรียนเต้นนั้น ย่อมมีการค้นพบตัวเองว่าในที่สุดแล้วตัวเองชอบการเต้นในรูปแบบใด เช่น บางคนอาจจะชอบการเต้นฮิปฮอป ซึ่งจะต้องมีการเรียนท่าเต้นที่เป็นลักษณะเฉพาะ การได้เรียนกับครูผู้สอนที่มีความรู้และมีประสบการณ์การเต้นด้านฮิปฮอปโดยเฉพาะจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
หรือการเต้นบัลเล่ต์ ที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนโดยเฉพาะเช่นกัน หากมีการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งช่วยให้พวกเขาค้นพบตัวเองได้เร็วมากขึ้น และเป็นการช่วยปูทางให้เด็ก ๆ ได้เป็นนักเต้นมืออาชีพที่อาจจะสามารถสร้างรายได้ในอนาคตแก่พวกเขาอีกด้วย
8. ความสุขของเด็ก ๆ จะเพิ่มมากขึ้น
จะมีอะไรที่สำคัญไปกว่าการได้เห็นเด็ก ๆ มีความสุขและได้ทำในสิ่งที่พวกเขารัก จะด้วยอิทธิพลของเด็กวัยรุ่นหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการเต้นจนได้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ที่ทำให้เด็ก ๆ อยากเอาเป็นแบบอย่างและตั้งใจอยากทำเป็นอาชีพ หรือแม้แต่การเต้นเพื่อความบันเทิงหรือเป็นงานอดิเรก เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ก็ไม่ควรถูกละเลย เพราะความสุขนั้นเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ดังนั้นการส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เริ่มต้นทำสิ่งที่รักตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด และสนับสนุนพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อรู้ประโยชน์ที่หลากหลายของการส่งเสริมเด็ก ๆ ให้หันมาเรียนเต้นกันแล้ว การเลือกสถานที่เรียนก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้จะมีโรงเรียนหรือสถานที่สอนเต้นให้เลือกไปเรียนอยู่มากมาย แต่การจะส่งเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ยังอายุน้อยมาก ๆ ไปเรียนควรคำนึงถึงอะไรบ้าง วันนี้เรามีวิธีเลือกโรงเรียนสอนการเต้นโดยเฉพาะมาฝากให้ผู้ปกครองสบายใจ หายห่วงได้หากทำตามนี้
เรียนเต้น ควรเลือกสถานที่เรียนอย่างไร เด็กจะเต้นเก่งได้จริง
1. เลือกโรงเรียนที่มีหลักสูตรการสอนได้มาตรฐานสากลและมีความปลอดภัย
โรงเรียนสอนเต้นที่มีมาตรฐานควรจะมีครูผู้ที่เชี่ยวชาญในการสอนเต้น และมีประสบการณ์โดยตรง เพื่อที่เวลาส่งลูกหลานตัวน้อยไปเรียน เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับความรู้และทักษะในการเต้นอย่างถูกต้องตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงในระดับที่สูงขึ้นไป และสามารถต่อยอดพัฒนาการเต้นได้ในระยะยาว
โดยก่อนส่งเด็ก ๆ ไปเรียนควรเข้าไปสอบถามข้อมูลอย่างละเอียดและตรวจสอบประวัติครูผู้สอน รวมถึงสถานที่เรียนว่ามีความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยสถานที่ควรมีความสะอาด มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ห้องเรียนปลอดโปร่งเหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละวัยหรือไม่ เป็นต้น
2. ห้องเรียนควรมีขนาดใหญ่ สามารถให้ผู้เรียนรักษาระยะห่างระหว่างกันได้ (Social Distancing)
จากสถานการณ์ที่มีเชื้อไวรัส Covid-19 แพร่ระบาด ควรเลือกโรงเรียนสอนเต้นที่มีห้องเรียนกว้างขวาง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถมีระยะห่างระหว่างกันอย่างเหมาะสม หรือ Social Distancing และทางโรงเรียนต้องมีการเรียนการสอนแบบ New Normal อย่างมีมาตรฐาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณภูมิก่อนเข้าห้องเรียน มีเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือเตรียมไว้เสมอ และมีการทำความสะอาดห้องเรียนและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยต่อเด็ก ๆ ที่มาเรียนนั่นเอง
การส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ถนัดและมีความสุขอย่างการเรียนเต้นนั้น เราได้ยกเหตุผลที่เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์ที่ดีในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมในรูปแบบการเต้นในประเภทใดก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนที่อยากวางแผนอนาคตให้เด็ก ๆ มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์และได้พัฒนาตนเองให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพของสังคมต่อไปในอนาคตนั่นเอง
เรียบเรียงโดย THE ARTISTS DANCE STUDIO